เวนิส ประวัติ ของเมืองนี้เป็นมาอย่างไร?

เวนิส เป็นเมืองหลวงของ แคว้นเนโต ประเทศอิตาลี มีประชากรราว 271,663 คน เมืองเวนิส ได้รับฉายาว่า ราชินีแห่งทะเลอาเดรียตริก เมืองเวนิสถูกสร้างขึ้น จากการรวมเกาเล็กะรอบๆเข้าด้วยกัน บริเวณทะเลสาบเวนิเทีย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของทะเลอาเดรียตริก ในภาคเหนือของอิตาลี ทะเลสาบน้ำเค็มที่ตั้งอยู่ บริเวณชายฝั่งปากแม่น้ำโปกับแม่น้ำพลาวี

ทำให้เมืองเวนิสนั้น มีคลองจำนวนมาก ความเป็นอยู่ในยุคเริ่มต้นสร้างเมืองนั้น ได้มีการแลกเปลี่ยน ค้าขาย และวัฒนธรรมที่หลั่งไหลเข้ามายังเมืองนี้ ทำให้เมืองเวนิสเป็นศูนย์กลาง ที่เที่ยวยุโรปคนเดียว

ทางการค้าขนาดใหญ่ เดิมที่เวนิสเป็นชุมชนที่ตั้งถิ่นฐานเดิมบริเวณลากูน ที่คอยต่อต้านชนเผ่ามารุกราน ไม่ว่าจะเป็นชาวฮั่น , ลอมบาร์ด จนกระทั่งจักรวรรดิโรมันตะวันตกล้มสลาย

ในช่วงศัตวรรคที่ 8 ชาวลากูนได้เลือกตั้งผู้นำคนแรกคือ ออร์โซ อิพาโด ที่ได้รับอนุญาตจากอาณาจักร ไบแซนไทน์ ที่มีอำนาจในอิตาลี จึงมอบตำแหน่งให้เป็นกงสุล ดูแลชาวลากูนที่อยู่บริเวณนี้

ต่อมาตำแหน่งนี้ได้กลายเป็น ดยุคแห่งเวนิส เวนิสเป็นเมืองท่าตะวันออกของอิตาลี เหมือนเป็นเส้นทางเชื่อมเข้ากับ ดินแดนยุโรปตะวันออก คลังสินค้าต่างๆจากทั่วทั้งยุโรป และทางฝั่งตะวันออกอาหรับ ที่เที่ยวในยุโรปใกล้

ทำให้เวนิสเป็นเมืองที่มีการแลกเปลี่ยนสินค้าและวัฒนธรรมต่างๆ ผ่านสถาปัตยกรรมต่างๆในเมือง และ สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ รวมถึงอาหารอีกด้วย นักท่องเที่ยวต่างเดินทางมาเวนิสกันตลอดทั้งปีราวๆ 33 ล้านคนต่อปี

นอกจากการท่องเที่ยวแล้ว ยังเป็นแหล่งอุตสาหกรรม เครื่องแก้ว เครื่องประดับ ผ้าลูกไม้ ความคึกคักของเมืองนี้ ทำให้ได้รับอีกฉายาว่า ฟ้าใส ทะเลคราม อีกด้วย

เวนิส มี ความเจริญได้อย่างไร?

ด้วยความหลากหลายของเชื้อชาติ ที่เข้ามาค้าขายยังดินแดนแห่งนี้ ทำให้มีการแลกเปลี่ยนวัฒนธรรมกัน ทางด้านงานศิลปะเองก็เช่นกัน ที่เป็นแรงผลักดันให้เกิดอุตสาหกรรม การส่งออก ผลงานเครื่องแก้ว เครื่องประดับ ผ้าลูกไม้ ตั้งแต่ยุโรปเข้าสู่ช่วงยุคกลาง เวนิสได้กลายเป็นเมืองท่าที่สำคัญของอิตาลี นักท่องเที่ยวต่างหลั่งไหลกันเข้ามา

เพื่อเยี่ยมชมสถาปัตยกรรมของเมืองนี้ และด้วยเสน่ห์ของเมืองนี้ที่มีคลอง เป็นส่วนใหญ่ของพื้นที่ในเมืองเวนิส การเดินคมนาคมยังมีการใช้เรือ ตามแบบฉบับดั่งเดิม จวบจนถึงปัจจุบันที่ยังเป็น ที่เที่ยวในยุโรปใหม่

เอกลักษณ์ของการท่องเที่ยว สินค้าต่างๆทั่วทั้งยุโรปมา แลกเปลี่ยนกันที่เมืองนี้ ภายในเมืองมีงานเทสกาลเกิดขึ้น ที่มีมาตั้งแต่ปี ค.ส. 1268 ถูกจัดเป็นการเฉลิมฉลอง ก่อนเริ่มวันถือศีลของชาวคริสต์

ที่มีชื่อว่า เวนิสคาร์นิวัล เอกลักษณ์ของงานนี้ จะเป็นการเต้นรำใส่หน้ากาก และการแต่งกายของผู้คน ในชุดย้อนยุคแฟนซี ตัวละครในเทพนิยาย หรือชุดสัตว์ต่างๆ ด้วยความที่เมืองมีขนาดเล็ก

จึงง่ายต่อการปกครองและดูแล ระบบผังเมืองที่ออกแบบมา ให้ดูมีความปรับตัวกับภูมิประเทศ ของเมืองที่มีแม่น้ำหลายสายไหล ผ่านเข้าสู่ใจกลางเมืองที่มีลักษณะเป็นคลอง ที่เที่ยวในยุโรปไกล

นักท่องเที่ยวที่มากันต่างเรียกเมืองนี้ว่า เมืองแห่งสายน้ำกันเลยทีเดียว ด้วยความงามของเมือง และศูนย์กลางการค้าในอดีต ต่างพาเมืองเวนิสให้เจริญดำรงเอกลักษณ์ ตามประวัติศาสตร์ที่มีมาอย่างยาวนาน จนได้รับจารึกให้เป็นมรดกโลก เพราะเป็นเมืองที่แสนโรแมนติกที่สุดในโลก

เวนิส

เวนิส เกิด ผลกระทบอย่างไร ต่อการเปลี่ยนแปลงของโลก?

ปัจจุบันโลกเรากำลังเข้าสู่ปัญหา ภาวะโลกร้อน (Global Warning) ทำให้ธารน้ำแข็งขั้วโลกเหนือละลาย น้ำแข็งที่ละลายไหลลงสู่ทะเล ทำให้น้ำทะเลบนมีความสูงขึ้น ส่งผลกระทบต่อประเทศที่เป็นชายฝั่งอย่างมาก เพราะเมื่อน้ำทะเลหนุนสูงขึ้น มักจะกัดเซาะชายฝั่ง แผ่นดินค่อยๆจมลงตามน้ำที่สูงขึ้นเรื่อยๆ จากภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้น เที่ยวญี่ปุ่น

เมืองเวนิสเอง ก็ได้รับผลกระทบนั้นเต็มๆ ในรอบหลายปีมานี้เวนิส เจอปัญหาอุุทกภัยบ่อยครั้งมากขึ้น ในเวลาช่วงที่น้ำทะเลขึ้นแสงก็ จะมาพบกับแม่น้ำในคลองของเมือง จึงทำให้ชาวบ้านต้องปรับตัว

และมองมันเป็นเรื่องปกติ เพราะในอดีตเมืองเวนิส ต้องรับมือกับปัญหาน้ำท่วมทุกๆ 20-30 ปี แต่ที่ผ่านมานับว่าเลวร้ายมากที่สุด ในรอบ 50-60 ปีได้ กระแสน้ำที่ท่วมได้เข้าไปทำลายทรัพย์สินต่างๆ

โรงละครโอเปร่า ศูนย์แลกเปลี่ยนวัฒนธรรมและวิทยาศาสตร์เยอรมันน-อิตาลี รวมทั้งกระจกของมหาวิหารเซนต์มาร์ก ซึ่งมีอายุเกือบ 1000 ปี และเป็นมรดกโลก น้ำได้เข้าไปท่วมยังชั้นใต้ดิน เที่ยวต่างประเทศ

ซึ่งเป็นที่เก็บศพของบุคลสำคัญ ในประวัติศาสตร์อีกด้วย ทำให้นายกรัฐมนตรี ของอิตาลี นายจูเซปเป้ คอนเต้ สั่งจ่ายงบออกไปช่วยเหลือไป 20 ล้านยูโร เร่งแก้ปัญหาน้ำท่วมในเมืองเวนิส

จึงทำให้เห็นผลกระทบของภาวะโลกร้อน ที่ส่งผลกับเราทุกคน ไม่ว่าจะทางตรงหรือทางอ้อมก็ตาม เราจึงต้องช่วยกันลดมลภาวะ และงดใช้สิ่งของแก่การย่อยสลายได้ยากอย่างพลาสติก ไม่อย่างงั้นอีกไม่นาน เมืองเวนิสที่งดงามได้ จมลงอยู่ใต้ทะเลอย่างแน่นอน

เวนิส

สถานที่ท่องเที่ยวในเวนิสมีอะไรบ้าง?

สถานที่ท่องเที่ยวในเมืองเวนืสนั้นมีครบครัน ไม่ว่าคุณจะชอบช้อปปิ้ง หรือเยี่ยมชมสถาปัตยกรรม เมืองแห่งนี้นับว่ามีครบครันตอบโจทย์ นักท่องเที่ยวทุกกลุ่ม  สถานที่เราจะแนะนำเป็นนั้นเป็น เอกลักษณ์ของเมืองแห่งนี้เลยนั้นก็คือ มหาวิหารซานมาร์โก้ เป็นโบสท์สำคัญที่สร้างขึ้น          ในปี ค.ศ.823 ผสมศิลปะหลายยุคเข้าด้วยกัน

อาทิเช่น ยุคไบเซนไทน์ โรมาเนสก์ โกธิค จนมาถึงเรอเนสซองซ์ หลังคาของมหาวิหารเป็นแบบโดมสุเหร่า ของศาสนาอิสลาม ประดับด้วยโมเสกสีทองอร่าม ตั้งแต่หลังคาจรดพื้น

ทำให้ได้รับสมญานามว่า Church of Gold ช่วงสมัยศัตวรรต ที่ 11 ต่อมาโบสท์ซานตามาเรีย เดลลา ซาลูเต เป็นโบสท์สไตล์บาโรก ที่ตั้งอยู่บริเวณปากแกรนด์คาแนล ทางด้านทิศใต้ เที่ยวสิงคโปร์

ก่อนที่จะออกสู่ทะเลสาบ ภายในโบสท์มีภาพเขียน และประติมากรรมล้ำค่าหลายชิ้น 1 ในนั้นมีผลงานชิ้นเอกของศิลปิน Josse de Corte ไปกันต่อที่          พระราชวังดอจ

เป็นพระราชวังสไตล์โกธิคของดยุคผู้ครองเมืองเวนิส ถูกสร้างขึ้นในศัตวรรตที่ 9 ภาพในพระราชวังถูกประดับด้วยทองคำ และจิตรกรรมมากมาย ชั้นใต้ดินเองยังเคยเป็นคุกที่ไว้สำหรับคุมขังนักโทษ

ทำให้ถูกเชื่อมกับทางเดินไปยัง สะพานข้ามคลองที่ชื่อว่า สะพานถอนหายใจ ตามอาการของนักโทษที่เดินหมดอิสรภาพ หอระฆังซานมาร์โก เป็นหอระฆังสูงถึง 98 เมตร ตั้งอยู่ด้านหน้ามหาวิหารซานมาร์โก

นับว่าเป็นจุดชมวิวที่สวย เพราะเราสามารถขึ้นไปบนยอดของหอระฆัง เพื่อสัมผัสกับวิวเมืองได้อีกด้วย และที่สุดท้าย แกรนด์ คาแนล เป็นคลองที่มีชื่อเสียงในด้านการท่องเที่ยว

และเป็นจุดหมายหลักของการนั่งล่องเรือกอนโดล่า นักท่องเที่ยวสามารถนั่งเรือลัดเลาะไปในเมือง ชมความงดงามของเมืองและความโรแมนติกที่แสนอบอุ่น สถานที่ท่องเที่ยวในเวนิสยังมีอีกมาก ไม่ได้มีแค่ที่เรายกมา แต่ที่เราพูดถึงนั้นนับว่าเป็นแลนด์มาร์ก ของเมืองเวนืสเลยก็ว่าได้ 

เวนิส

สิ่งที่ได้จากการมาเที่ยวเวนิสมีอะไรบ้าง?

เมืองนี้ได้ถูกจัดอยู่ในมรดกโลก คุณค่าแก่การอนุรักษ์ เพราะสถาปัตยกรรมและผังเมืองนั้น มีความสวยงามและเสน่ห์ที่ดึงดูดนักท่องเที่ยว ตั้งแต่อดีตและปัจจุบัน บรรยากาศเมืองรอบๆที่ท้องฟ้าโปร่ง น้ำในคลองใสสีฟ้า ตึกในเมืองต่างๆถูกตบแต่งดูคุมโทน สถาปัตยกรรมต่างๆได้รับการอนุรักษ์เอาไว้ให้คงเดิม หากใครพาแฟนมาท่องเที่ยวที่นี้

เหมือนกับได้มาฮานีมูนกันเลยทีเดียว ในเวลาค่ำคืนเมืองจะเปิด ไฟที่ประดับไปทั่วทั้งเมืองเกิดความสวยงาม คนที่มาเป็นคู่เหมาะกับการนั่งเรือชมแสงไฟ นายเรือบ้างคนถึงกับร้องเพลง

ให้กับนักท่องเที่ยวฟังตลอดการเดินทางอีกด้วย เพิ่มความโรแมนติกให้กับคู่รักไปอีก นับว่าเป็นเมืองที่มีเสน่ห์ ทั้งผู้คน และบรรยากาศซะจริง ยิ่งถ้ามาท่องเที่ยวในช่วงเทศกาลงานเต้นรำ

ถือว่าเป็นไฮไลท์ของที่นี้เหมือนกัน ซึ่งจะถูกจัดช่วง 30 ม.ค. จนถึง 16 ก.พ. เราจะได้เยี่ยมชมความหลากหลาย ของการแต่งตัวสุดแฟนตาซี งานๆนี้ทั้งเมืองจะร่วมฉลองด้วยกัน

ซึ่งถือว่าเป็นเทศกาลประจำปีเลยก็ว่าได้ เมืองที่แห่งนี้เหมือนมีมนต์สะกด ให้หลงเสน่ห์ในความงามของศิลปะและวัฒนธรรมของชาวเมืองที่นี้ ที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครในโลกนี้

จึงทำให้คิดว่าการมาท่องเที่ยวเวนิสนั้น เหมือนเป็นประสบการณ์ใหม่ในชีวิตที่ คุณจะต้องชื่นชอบอย่างแน่นอน ด้วยสภาพบรรยากาศผู้คนต่างๆ ที่หลั่งไหลเข้ามาท่องเที่ยวในเมืองแห่งนี้

ก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า เมืองเวนิสมีชื่อเสียงและน่าค้นหาอย่างไง หากใครชื่นชอบในการท่องเที่ยวเมืองเก่าแก่ที่ เพรียบพร้อมไปด้วยงานศิลปะแล้วละก็ ห้ามพลาดที่นี้อย่างแน่นอน

ข้อมูลทีมยูเวนตุส

เที่ยวฮ่องกง